เรื่องอิเหนา
กล่าวถึงกษัตริย์แห่งวงศ์เทวา ๔ องค์ มีนามว่า ‘กุเรปัน’ ‘ดาหา’
‘กาหลัง’ และ ‘สิงหัดส่าหรี’
ทุกพระองค์ปกครองเมืองของตนโดยมีชื่อเมืองตามชื่อกษัตริย์แต่ละองค์
นอกจากนี้ยังมีนครหมันหยาซึ่งเกี่ยวดองเป็นญาติกันกับนครเหล่านี้ตั้งอยู่ในละแวกไม่ไกลกันด้วย
ท้าวกุเรปันได้อภิเษกสมรสกับนางนิหลาอระตาแห่งเมืองหมันหยา
ส่วนท้าวดาหาก็ได้อภิเษกสมรสกับนางดาหราวาตีเช่นกัน กษัตริย์แห่งวงศ์เทวามีมเหสี ๕
องค์เรียงลำดับตามตำแหน่งดังนี้ ประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต ลิกู และเหมาหลาหงี
เวลาต่อมา
มเหสีเอกของท้าวกุเรปันได้ให้ประสูติพระโอรสพระองค์หนึ่ง
ซึ่งโอรสองค์นี้มีวาสนาสูงส่งนัก ฝ่ายองค์ปะตาระกาหลา ซึ่งเป็นต้นวงศ์เทวาแต่สิ้นพระชนม์ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว
ได้นำกริชวิเศษลงมาให้พร้อมจารึกชื่อไว้บนกริชว่า “หยังหยังหนึ่งหรัดอินดรา
อุดากันสาหรีปาตี อิเหนาเองหยังตาหลา” หรือเรียกสั้นๆว่า อิเหนา ฝ่ายจินตะหราวาตี
ผู้เป็นมเหสีเอกของท้าวหมันหยาก็ได้ประสูติธิดา ส่วนท้าวดาหากับมเหสีเอกก็ได้ให้ประสูติธิดาของตนเช่นเดียวกัน
และตั้งชื่อว่า บุษบา ซึ่งท้าวกุเรปันได้ขอให้บุษบาและอิเหนาเป็นคู่ตุนาหงัน
(คู่หมั้น) กันไว้เพื่อเป็นการสืบราชประเพณี
เมื่ออิเหนาเติบโตขึ้นก็เป็นชายที่มีรูปโฉมที่แสนงดงาม
และมีความชำนาญในการใช้กริช ซึ่งครั้นเมื่อพระอัยกีเมืองหมันหยาสิ้นพระชนม์
อิเหนาก็ได้ไปร่วมงานปลงพระศพแทนพระบิดาและพระมารดาซึ่งไม่สามารถไปได้
ซึ่งครั้งนี้เองทำให้อิเหนาได้ไปพบรักกับนางจินตะหรา และได้นางมาเป็นชายา
แม้จะมีเสียงคัดค้านจากท้าวกุเรปัน แต่อิเหนาก็ไม่ฟัง
และทำให้อิเหนาต้องบอกเลิกตุหนาหงันกับนางบุษบา
เมื่อท้าวดาหาทราบเรื่องก็รู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
บังเอิญว่ามีจรกาซึ่ง “รูปชั่วตัวดำ” มาขอตุนาหงันกับธิดาของตน
ท้าวดาหาก็ยอมรับทันทีด้วยความโกรธแค้นในตัวอิเหนา
ฝ่ายองค์อสัญแดหวาหรือปะตาระกาหลาผู้เป็นเทวดาต้นราชวงศ์เทวา
ก็เกิดความไม่พอพระทัยในความรักครั้งนี้เป็นอย่างมาก
และเห็นว่าจะต้องดัดนิสัยอิเหนาให้รู้สึกสำนึกตัวเสียบ้าง
คิดได้ดังนั้นก็จึงบันดาลให้วิหยาสะกำผู้เป็นโอรสของท้าวกะหมังกุหนิงเก็บรูปนางบุษบาได้
เมื่อวิหยาสะกำได้เห็นรูปโฉมของบุษบาก็เกิดอาการคลั่งไคล้และรบเร้าให้พระบิดาไปขอมาเป็นชายา
แต่ท้าวดาหาก็ปฏิเสธที่จะให้ตัวธิดาแก่วิหยาสะกำ
ทำให้ท้าวกะหมังกุหนิงจำเป็นต้องยกทัพไปรบเพื่อแย่งชิงนางบุษบามาให้ลูกของตน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น